มีทราฟฟิกเข้ามา แต่ลูกค้าก็ยังหลุดมือ Conversion Rate ก็ต่ำ – เรื่องนี้ใครผิด?

มีทราฟฟิกเข้ามา แต่ลูกค้าก็ยังหลุดมือ Conversion Rate ก็ต่ำ – เรื่องนี้ใครผิด?

คำถามโลกแตกของนักการตลาดไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม คือ ทำ

ไมยอด conversion rate ถึงต่ำ?

 

ในยุค 1930s David Ogilvy ยังคงเป็นนักขายแบบดั้งเดิม เดินไปเคาะตามประตูบ้านเพื่อขายเตาแก๊สให้กับแม่บ้าน หลายสิบปีผ่านไป Ogilvy ได้ก่อตั้งเอเจนซี่โฆษณาของเขาเองและเริ่มเขียนโฆษณาในหนังสือพิมพ์ให้กับบริษัททั่วสหรัฐ ในปี 2020 David Ogilvy ไม่ได้เป็นแค่ผู้ก่อตั้งเอเจนซี่อีกต่อไป แต่ผู้คนในวงการการตลาดเรียกเขาว่า บิดาแห่งการโฆษณา!

Preview (opens in a new tab)

เรื่องราวของ Ogilvy นั้นเหมือนเรื่องราวการทำการตลาดของแบรนด์ทุกแบรนด์ นั่นคือ การออกไปตามหาลูกค้าจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาตามหาแบรนด์ของคุณ นี่เป็นกลยุทธ์ pull-push ในการทำการตลาด 

การเติบโตของโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมใด ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ในทุกตำแหน่งภูมิศาสตร์ ไม่ว่าเวลาใด ในราคาที่ถูกกว่าบุฟเฟ่ต์ อย่างไรก็ตาม การ “เข้าถึง” ลูกค้า ไม่ใช่และไม่ควรเป็นเป้าหมายที่แท้จริงในการทำการตลาด

คำถามต่อมาคือ: แล้วทำไมคุณถึงเสียเงินมากมายไปกับการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย แต่ยอดขายสินค้ากลับไม่เป็นไปตามที่หวัง?

คอนเทนต์ที่ไม่เหมาะกับรสนิยมของผู้บริโภค ถือเป็นข้อผิดพลาด แต่ละสินค้าหรือบริการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต่างกันออกไปและแต่ละกลุ่มก็มีพฤติกรรมการสื่อสารที่แตกต่างกัน เมื่อใช้กลยุทธ์การทำคอนเทนต์ ธุรกิจจำเป็นจะต้องรักษาสมดุลระหว่างสิ่งที่อยากพูดกับสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ยิน ทำคอนเทนต์เนียนและต่อเนื่องสม่ำเสมอ จากวิจัยการตลาดของ McKinsey ความสม่ำเสมอและต่อเนื่องของแต่ละคอนเทนต์คือสูตรลับที่ทำให้ลูกค้ามีแฮปปี้และอยากซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจ คอนเทนต์ที่ไม่ดีจะลดทอนคุณค่าของสินค้าหรือบริการ และทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่เชื่อมั่นหากต้องซื้อสินค้า 

big

การตั้งเป้าหมายในการทำการตลาดผิดเป็นอีกหนึ่งข้อผิดพลาดในการทำธุรกิจของแบรนด์ส่วนใหญ่ หลายแบรนด์คิดว่ายอดไลก์ แชร์ คอมเมนต์ เป็นยอดตัวเลขที่สำคัญที่สะท้อนถึงความสำเร็จในการทำแคมเปญการตลาด แต่ตัวชี้วัดเหล่านั้นบอกแค่ว่าจะมีลูกค้าที่รู้จักแบรนด์มากขึ้น แต่การจะพาลูกค้าร่วมเดินทางจากการรู้จักแบรนด์ไปถึงการตัดสินใจซื้อสินค้านั้นเป็นหนทางที่ยาวไกล กว่าจะไปถึงตัวชี้วัดที่สะท้อนให้เห็นถึงความคุ้มค่าของผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริงนั้นจำเป็นจะต้องมีทีมงานที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นทีมขาย ทีมกระจายสินค้า ซึ่งมีเพียงธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถลงเงินทุนได้มากเช่นนั้น 

หากเป็นธุรกิจไซส์เล็กลงมาแต่อยากชนะในเกมส์ต้องทำอย่างไร ? อีโค่โมบิมีโซลูชั่นที่จะมาช่วนตอบคำถาม นั่นก็คือ แพลตฟอร์มการขายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือ Social Selling Platform (SSP)

แพลคฟอร์ม SSP ทำงานเป็น funnel ช่วยธุรกิจลดความกังวลในการหาลูกค้า:

  • ผสานกระบวนการขาย สร้างระบบนิเวศน์รวม 3 เครื่องมือในหนึ่งแพลตฟอร์ม: นักขายบนโซเชียล (Social Seller) – แชทบอทเอไอ (AI chatbot) – ระบบจัดการออร์เดอร์ (Management system) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแคมเปญการตลาดในแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ
  • คอมมูนิตี้ของ Social Seller ที่เหมาะกับทุกประเภทของสินค้าและตลาด
  • แชทบอทเอไอที่สะดวกต่อการแทร็กติดตามออร์เดอร์และ customer journey
  • ระบบการจัดการที่แต่ละธุรกิจมีไอดีส่วนตัว สะดวกต่อการแทร็กและเก็บข้อมูล

ด้วยภารกิจที่จะช่วยธุรกิจเติบโตในยุคโซเชียลคอมเมิร์ซ อีโค่โมบิขอเป็นทางเลือกแรกในการทำกิจกรรมทางการตลาด ด้วยเครื่องมือที่จะช่วยแบรนด์ในการทำโซเชียลคอมเมิร์ซและผลงานการขายสินค้ากว่า 6 ล้านชิ้นผ่านแพลตฟอร์ม SSP 

โดยสรุป แพลตฟอร์ม SSP จะช่วยธุรกิจให้ชนะ ไม่พลาดโอกาสในการเติบโตด้วยยอดกำไรที่สูงและยั่งยืน 

 

YouTube video

 

Sign in

share this article:

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *